Hong Kong 1st Time

Voyage

  • Pen: คำถาม
  • Lens: jukkra.studio

Posted: 07 May 2018

 
Hong Kong 1st Time
ครั้งหนึ่ง ฉันได้ไปฮ่องกง ว๊าวววว !!!


 
                แน่นอนว่าทุกการเดินทาง มักต้องเริ่มต้นด่านแรกด้วยการจองตั๋วและวางแพลนทริป แต่ด้วยความที่ตัวเองไม่ถนัดเรื่องการจองตั๋วหรือการใช้เทคโนโลยีใด ๆ ทั้งสิ้น การจองตั๋วและที่พัก ก็ต้องตกเป็นหน้าที่ของเพื่อนสาวที่นางมีความไฮเทค นางก็ทำการจองทุกสิ่ง แถมวางแพลนทริปนี้ไว้เป็นอย่างดี  คือเอาเป็นว่าในส่วนของเราก็แค่แพคกระเป๋าแล้วรอเวลาเดินทางเท่านั้น (หัวเราะ)

                และแล้ววันที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็มาถึง เรานั่งเครื่องบินตรงจากเชียงใหม่ถึงฮ่องกงเลย เป็นอะไรที่เจี๊ยมมาก สะดวก สบาย ก้าวแรกที่เหยียบถึงสนามบินที่ฮ่องกง คือ โอโห้... ใหญ่มาก สะพรึง ดีใจมากที่ได้เห็นด้วยเนื้อตาของตัวเอง หลังจากนั้นความตื่นเต้นอีกครั้งก็มาถึงในการตรวจคนเข้าเมือง คือเป็นอะไรที่กลัวอยู่นะ กลัวว่าเอกสารจะไม่ครบ กลัวจะมีอะไรผิดพลาด แล้วมันจะเสียเวลาจะลำไยอะไรทำนองนี้ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี หลังจากที่เสร็จจากการตรวจคนเข้าเมืองเราก็ไปแลกเงิน เพื่อนสาวนางก็ไปซื้อตั๋วรถไฟให้ คือถ้าไม่มีนางคงต้องไห้ เพราะเราไม่รู้อะไรเลย 555

 - Day 1 - 

  

  


 
                หลังจากได้ตั๋วก็มุ่งสู่ที่พักกัน นางพาไปที่ย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) พอถึงที่พักปุ๊ป ถึงกับอึ้ง แทบจะถอดใจเพราะที่เราพัก มันมีลิฟท์แค่ 2 ตัว สลับชั้นเลขคี่ เลขคู่  จำได้ว่าบรรยากาศก่อนการขึ้นลิฟท์มันไม่ไหว ย่านนี้คือมีแขกเยอะ ซึ่งเราเป็นคนไม่ชอบกลิ่นเครื่องเทศที่ฉุน ฉุนมาก แต่ต้องกลั้นหายใจเป็นช่วง ๆ จนถึงที่พักแห่งหนึ่ง พอได้กุญแจแล้วเข้าไปในห้องพัก ถึงกับเข่าทรุด อยากจะล้มตรงหน้าประตู เพราะมันแคบมาก แคบแบบเหยียดขาก็ถึงผนังอีกฝั่งแล้ว ห้องน้ำแคบมาก กางแขนไม่ได้ น้ำไม่ค่อยไหล ประตูห้องน้ำล็อคไม่ได้ เราและเพื่อนสาวเลยตัดสินใจทิ้งห้องและหาที่พักใหม่ โดยหาใน airbnb หลังจากได้ที่แล้วเราก็ย้ายเลย เอาจริงในใจตอนนั้นคิดว่า ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทำไมต้องเสียเงินซ้ำซ้อน แต่เอาวะ มาทั้งที่ฮ่องกงทั้งที ขออยู่ที่สบาย ๆ หน่อยเหอะ ในใจแอบลุ้นว่า ที่ใหม่จะเป็นยังไง จะดีกว่าเดิมหรือว่าแย่กว่าเดิม แต่คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าที่เดิมแล้วล่ะ 555 พอถึงที่พักที่หาใหม่ได้ ในย่านจอร์แดน (Jordan) พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ ใจมันพองโต มันคือสวรรค์ มันคือที่สุดที่ตามหา ไม่ได้หรูหรา แต่ดีกว่าที่เดิมล้านเท่า ทุกคนประทับจิตประทับใจที่สุด

                หลังจากนั้นเราก็เที่ยวชมเมือง วัดต่าง ๆ เราเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน ซึ่งเป็นอีกสิ่งในฮ่องกงที่สะดวกมาก คือไม่ได้รอนาน รอบของรถไฟคือมีอยู่เรื่อยๆ  พอตกค่ำเราก็ตะเวนหาอะไรทานในย่านที่เราพัก จนไปเจอร้านอาหารแห่งหนึ่ง บรรยากาศก็คล้าย ๆ กับกาดหลวง (ตลาดวโรรส)ตอนกลางคืน พนักงานเสิร์ฟที่นั่นพอเห็นพวกเราปุ๊ป นางพูดไทยใส่ เราถึงกับ ห๊ะ แต๊ก๊ะ นางพูดว่า “ไม่แพง อร่อย นั่งๆ” โห๊ะ คือมันต้องโห๊ะ 555 นางรู้ดี และรู้ใจว่าต้องการกินอะไรที่ไม่แพง นางคงฝึกมาดี เราก็ตัดสินใจนั่งกินที่นั่นเลยเพราะเราตะเวนหามานานจนปวดขาละ พออาหารที่เราสั่งมาถึง คือมันจืดมาก มันจืดชนิดที่ว่าคิดถึงอาหารไทยทันที ไค่ไห้จ๋น(โคตรอยากร้องไห้) แต่เอานะ กินเพื่ออยู่ ไหน ๆ ก็สั่งมาละก็ต้องกิน แต่สุดท้ายเราก็ไม่อิ่ม เลยต้องไปซื้อมาม่ามากินต่อ ที่อึ้งก็คงเป็นราคาของน้ำเปล่าใน 7-11 ที่ถ้าตีเป็นเงินไทย คือ 50 กว่าบาท ธรรมโมเต๊อะ แปงง่าวอิ (โห แพงจัง) แต่ก็ไม่เป็นไร ของมันต้องกิน หลังจากนั้นเราก็กลับที่พัก ผ่านไปด้วยดีสำหรับวันแรก

 
               
 - Day 2 - 


               
                วันที่ 2 เราตื่นกันเช้ามาก ๆ เพื่อเดินทางไปเที่ยว Disneyland กรี๊ดดดด เหมือนเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง เรามีความสุขมาก ๆ ตั้งแต่รถไฟที่เดินทางไป Disneyland เพราะทุกคนที่อยู่ในขบวนนี้มีทั้งคุณตาคุณยายที่พาหลานมาเที่ยว คู่รัก และกลุ่มเพื่อน หันไปทางไหนแววตาของทุกคนคือรู้เลยว่ารอคอยที่จะไปรับความสุขจากที่นี่ และแล้วประตูรถไฟเปิดออก พอเหยียบถึง Disneyland ปุ๊ป เราตัวเล็กเลย เราเหมือนเด็กน้อย เราเหมือนมอนไข่แดงน้อย ๆ ในไข่ขาว มันสนุกมาก สิ่งที่เซอร์ไพรส์เราที่สุดในวันนี้คือ เพื่อนสาวของเรานางเตรียมชุดนางทาสมาด้วย นางไปตกลงกันตอนไหน ว่าจะต้องแต่งชุดเป็นทาสมาเที่ยวที่ Disneyland

                อ่ะ โปรโมทเลยละกัน พวกเรากำลังทำเพจท่องเที่ยว ชื่อว่า “ทาส ท่อง เที่ยว” ทำไมต้องเป็นทาส ด้วยกระแสของละครบุพเพสันนิวาสทำให้เราหยิบกระแสตรงนั้นมาด้วย

                เราแต่งตัวกันเสร็จ ก็เป็นที่ฮือฮาทั้งตัวเองและผู้คนที่พบเห็น เพราะเราถ่ายรูปกันหน้าป้าย Disneyland เลย เราเหมือนมาสค็อต ที่ใคร ๆ ก็ต้องยกกล้องมาถ่าย 555 แต่ก็สนุกดีได้ทำอะไรแปลก ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน หลังจากถ่ายภาพเสร็จ เราก็เปลี่ยนชุดเป็นปกติ คาดว่าถ้าเล่นด้วยชุดที่เป็นทาสคงหวิว ๆ และคงจะขนลุกทั้งวัน เพราะอากาศเริ่มเย็นแล้วในตอนนั้น

  
 
                พอได้ตั๋วเข้าไปชม Disneyland เราวิ่งเล่น เรายิ้ม เราหัวเราะ เราอยากหุยดังๆ ว่ามันสวยมาก มันเหมือนฝันเลย เราไปเจอขบวนเหล่าบรรดาตัวการ์ตูนของ Disneyland ตอนแรกเราบอกเพื่อนสาวว่าไม่ต้องดูก็ได้นะ กลัวเล่นเครื่องเล่นไม่ครบ แต่ด้วยมนต์สะกดของขบวนนั้น ทำให้ไม่สามารถหลุดสายตาได้เลย เพราะมันสวยมาจนแบบต้องร้องไห้ คือ ทั้งรถ ทั้งคน ทั้งตัวการ์ตูน คือมันที่สุดของขบวนที่เราเคยเห็นแล้ว ทุกคนต่างยกกล้องมาถ่ายรูปเก็บไว้ เราก็ได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำเพราะมือถือเรากล้องไม่ดี 555 หลังจากที่เราประทับจิตกับขบวนเราก็ไปตะลุยในเครื่องเล่นต่างๆ ในดินแดนที่แยกเป็นการ์ตูนแต่ละเรื่อง สิ่งที่เราเจอในการต่อแถวเข้าชมคือไม่ค่อยนานเหมือนที่ได้ยินมา แค่ 10 นาที เราก็ได้เข้าชมความตระการตาแล้ว เราเล่นเครื่องเล่นหลายสิ่งมาก จนถึงดึก

    
 
                ความประทับใจยังไม่หมด ในคืนนี้เราไปต่อที่ Symphony of light ซึ่งเป็นอะไรที่สุดลูกหูลูกตาจริง ๆ ลมพัดเย็นสบายบวกกับผู้คนมากมายที่มารวมตัวกันอย่างหนาแน่นเพื่อมาดู Symphony of light และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง 5-4-3-2-1 การแสดงแสงสีเสียงได้เริ่มขึ้น เราตั้งตารอ ว่าจะสวยขนาดไหนเชียว ปุ๊ป ยังไม่ถึง 5 นาที เสร็จแล้วว่ะ... โห๊ะ เสร็จแล้วก๊ะ หยั๋งมาเร็วมาก(ทำไมเร็วมาก) ยังไม่ได้อะไรเลย ทุกคนหันมองหน้ากันแล้วพูดพร้อมกันว่า โอเค(ลากเสียงยาว) แล้วผู้คนก็ออกจากที่นั่นดั่งผึ้งออกจากรัง 55555 เราเดินทางออกจากตรงนั้นด้วยความ งง ๆ ว่า แค่นี้จริง ๆ เหรอ 555 เราเดินทางไปยังลานไคฟงที่เที่ยวที่ใคร ๆ มาก็ต้องแวะไป พอถึงปุ๊ป มันน่ากลัวอ่ะ ทุกคนมองหน้ากันแทนคำพูดว่ากลับเหอะ 555 ด้วยความที่เพื่อนสาวนางไม่ค่อยชอบกินแอลกอฮอล์ และตอนนั้นฝนตกด้วย เราเลยกลับมายังที่พัก หมดไปอีกวันที่ถือว่า สุด ๆ ไปเลย

  
 
 - Day 3 - 



  

 
                เราตื่นขึ้นมาค่อนข้างสาย เพราะวันนี้เรามีแพลนแค่ช้อปปิ้งเท่านั้น แต่มาถึงฮ่องกงทั้งที เราจะไม่ไปดูบ้านเมืองเขาเลยก๊ะ ว่าแล้วเพื่อนสาวนางก็พาเราไปที่  The Peak เราขึ้นรถไป คือมันสูงมาก ทางแคบมาก แต่ด้วยความชำนาญของคนขับรถ เราก็ต้องเชื่อเขาแหละ เขาคงขับจนชินชนิดที่หลับตาขับได้เลยแหละมั้ง 555 ตลอดเส้นทางที่ขึ้นไปยัง The Peak ด้วยวิว ที่ต้องบอกว่า ล้าน ล้าน ล้าน มาก คือมันเหมือนเลโก้ มันสวยมาก สุดมาก บ้านที่อยู่บนนี้คงเป็นบ้านของนักธุรกิจแน่นอน มันทั้งสวยและอลังการงานสร้าง เราไปถึงจุดสูงสุดที่นักท่องเที่ยวต่างก็ต้องมาให้เห็นด้วยเนื้อตาตัวเองถึงจะถือว่ามาถึงฮ่องกงแล้ว หลังจากที่เราเสพบรรยากาศแสนเย็นสบายแล้วเราก็กลับเข้ามายังย่านซ้อปปิ้ง โอโห้ ร้านแบรนด์เนมที่เราเห็นในแค่สื่อออนไลน์ต่าง ๆ มันสุดจริง แพงหูฉี่มาก ถามว่าการมาซ้อปครั้งนี้ได้อะไรไหม ตอบไปเลยค่ะ ว่า เหอะ เอาเงินไหนมาเจ้า คือมันแพงมาก สุดท้ายแล้วเราก็กลับที่พักนั่งเมาท์มอยกันตามประสาเพื่อนสาว
 
 - Day 4 - 

 
                เราตื่นกันเช้ามากเพราะกลัวตกเครื่อง เรามุ่งหน้าไปยังสนามบินเพื่อกลับประเทศไทย และเราก็กลับโดยสวัสดิภาพ มาถึงไทยปุ๊ป สิ่งแรกที่ทำคือมุ่งหน้าไปร้านส้มตำ 555 เพราะคิดถึงอาหารไทยมาก ตอนเย็นต่อด้วยหมูกระทะให้มันจบ ๆ เลยค่ะ!


ถ้าถามว่าชอบไหมในการเที่ยวครั้งนี้ คือตอบได้อย่างเต็มปากเลยว่าชอบนะ เพราะมีเพื่อนดี ทำอะไรก็สะดวก มีเพื่อนสนุกเราก็จะโคตรสนุก นี่คงเป็นเรื่องราวและความทรงจำที่ลืมไม่ลงกับครั้งหนึ่งที่ฉันได้ไปเที่ยวฮ่องกง อ๋อ แล้วอีกอย่าง ฝากติดตามเพจ ทาส ท่อง เที่ยว ด้วยนะคะ อิอิ