โฮจิมินห์ จะกิน หรือ จะเที่ยว ... อืม 

Voyage

  • Pen: Banana 
  • Lens: Banana 

Posted: 20 September 2017

“ตัวๆ เค้าจองตั๋วไปเวียดนามนะ” 
เรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มต้นจากประโยคนั้น 


หญิงสาวคนสนิทของผมเป็นคนกล่าวประโยคข้างต้น เธอโทรศัพท์มาบอกผมเช่นนั้นในวันหนึ่ง แรกเริ่มเดิมที เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่ผมอยากไปเรียนรู้วัฒนธรรม และวิถีชีวิต โดยเฉพาะเรื่องราวของอาหารและสถาปัตยกรรม แต่ก็ยังไม่ได้มีความคิดที่จะไปในปีนี้ เพียงแต่ว่าหลังสิ้นสายบทสนทนาในโทรศัพท์ของวันนั้น ภาพของประเทศเวียดนาม ผู้คน และเสียงแตรรถก็เหมือนจะก็ดังขึ้นมาในแก้วหูชั้นในของผมทันที และนี่เอง คือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องตีตั๋วมาสู่นครโฮจิมินห์....เร็วกว่าเดิม(เยอะ!) 




- เวียดนามเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมยาวนาน นานพอๆ กับแตรรถ – ผู้เขียน 

โฮจิมินห์ หรือชื่อเดิม ไซ่ง่อน  เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ไซ่ง่อนในอดีตเคยเป็นเมืองในการปกครองของเขมรมาก่อนเรียกว่า ไพรนคร ต่อมาเมื่อเวียดนามเข้ามายึดครองดินแดนนี้ จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นภาษาเวียดนามว่า ยาดิ่ง และต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น ไซ่ง่อน และกาลเวลาหลายร้อยปีต่อมาอีก เมื่อแยกประเทศเวียดนาม ออกเป็นสองส่วน ไซ่ง่อนกลายเป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ เมื่อเวียดนามเหนือยึดได้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น นครโฮจิมินห์ ตามชื่อผู้นำเวียดมินห์ หรือ โฮจิมินห์ ที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง (ขอขอบคุณวิกิพีเดียสำหรับความรู้ชุดนี้ด้วยนะครับ)  

เท่าที่ผมสังเกต ชาวเวียดนามในนครโฮจิมินห์ส่วนใหญ่เดินทางโดยรถจักรยานยนต์ ซึ่งสำหรับผมแล้ว มันคือเสน่ห์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เพราะถึงแม้จะดูเหมือนวุ่นวาย แต่ก็เป็นระเบียบดีในแบบของมัน รวมไปถึงเอกลักษณ์ในการใช้เสียงแตรรถที่ไม่รู้ว่าตกลงมึงด่ากูเหรอ? มึงไล่กูทำไม? หรือกระทั่ง มึงทักทายกูใช่มั้ย? (ในแบบที่คนไทยใช้ๆ กันอ่ะนะ) แต่ในความโกลาหลหลากหลายเหล่านี้ ชนชาวเวียดนามก็ใส่หมวกกันน็อคกันประมาณ 90% เลยเห็นจะได้เมื่อเทียบกับบ้านเรา ซึ่งถือว่าเยอะมาก ที่เหลือเป็นหมวกงอบทรงปลายแหลมที่เราชอบเห็นกันตามภาพถ่ายนั่นแหละ ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรนะ ใครรู้บอกด้วยละกันครับ  



 

สำหรับการเที่ยวของผมครั้งนี้จะเน้นเป็นการเดินดูสถาปัตยกรรมของโฮจิมินห์ และการแสวงหารสารอาหารของชาวเวียดนามเป็นหลัก ในการเดินทางส่วนใหญ่นั้นผมจะใช้การเดิน โดยเปิด Googlemap เป็นตัวช่วย ผมลองเดาสุ่มบ้างในการเดินเข้าตรอกซอกซอยต่างๆ ทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน การทำอาหาร การอยู่อาศัย ผมสังเกตเห็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง คือ จะมีเก้าอี้ตัวเล็กๆ สูงไม่เกินเข่า ตั้งวางอยู่หน้าบ้านและตามร้านค้าต่างๆ แทบทุกแห่ง คำถามที่ว่า “ทำไมไม่ไปนั่งเก้าอี้สูงๆ ที่พอดีกับร่างกายมนุษย์ และนั่งสบายๆ หน่อย?” ก็ยังเป็นข้อสงสัยของผมอยู่มาจนตอนนี้ หรือจริงๆ แล้วมนุษย์โลกนั่งผิดแบบกันหมด ?


อาหารการกินที่โฮจิมินห์มักจะกินกันง่ายๆ หาได้ตามข้างถนนทั่วๆ ไป ซึ่งนอกจากจะมีขนมปังที่แข็งบาดปากแล้ว ก็ยังมีเปาะเปี๊ยะเวียดนาม ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของคนที่นี่ เป็นอาหารพื้นเมืองของประเทศที่ใช้แผ่นแป้งทำจากข้าวเจ้า นำมาห่อไส้  ซึ่งอาจเป็นไก่ หมู กุ้ง หรือหมูยอ รวมกับผักที่มีสรรพคุณเป็นยานานาชนิด เช่น สะระแหน่  ผักกาดหอม ทานคู่กับน้ำจิ้มหวานที่ใส่ถั่วลงไปด้วย  อืมมมม ก็อร่อยดีนะ ราคาไม่แพงด้วย  


ส่วนพวกสถาปัตยกรรม ส่วนมากก็จะเป็นตึกสไตล์เฟรนช์โคโลเนียล ด้วยความที่เวียดนามเคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ผมชอบนะ สวยและดูเก่าแก่แบบมีเสน่ห์ดี บวกกับด้านล่างของอาคารเหล่านั้นบางแห่งก็จะมีร้านค้าของชาวโฮจิมินห์ตั้งอยู่และขายอาหารพวกสตรีทฟู้ด ดูขัดแย้งกันแต่กลับสวยดี บวกรวมกับคนที่นี่จะชอบการแต่งกายที่เป็นสีสัน เสื้อผ้าเน้นสีสดใส เดินไปมานึกว่ารุ้งเดินดิน  ก็ยิ่งทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน 

เสน่ห์ของที่นี่ยังมีอีกเยอะแยะมากมาย หากคิดจะเที่ยว ลองค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบ และออกเดินไปหามัน ทุกการเดินทางมีอะไรให้เราได้เรียนรู้ สัมผัสและเพลิดเพลินไปกับมันในสไตล์ของคุณเสมอ ส่วนผมขอตัวไปเดินข้ามถนนแปป รถเยอะเหลือเกิ๊นนนนน จะชนกูมั้ยเนี๊ยะ แตรนี่ก็ไล่กูจังง่ะ...  กามเอิน(ขอบคุณ)